คนไทยจะมีค่านิยมที่คล้ายคลึงกันคือ คนไทยอยู่ใน “สังคมอำนาจนิยม” (Thinapan Nakata : 1975 : 55) คือยกย่องผู้มีอำนาจ ฉะนั้นคนไทยจึงมีค่านิยมตามลักษณะของสังคมไทยดังนี้
1. ยกย่องผู้มีอำนาจ
2. เคารพเชื่อฟังผู้มีอาวุโส
3. ค่านิยมของความสงบ
4. ค่านิยมของความเกรงใจ
5. ยึดตัวบุคคลมากกว่าหลักการ
นอกจากนี้ยังมีค่านิยมอีกประการหนึ่งคือ “อิสรนิยม” นั่นก็คือ คนไทยรักอิสรภาพ ชอบทำสิ่งต่าง ๆ ตามสบาย ไม่ชอบกฎมาบังคับ ไม่ชอบใครมาควบคุมมากนัก จึงอาจกล่าวได้ว่ามีความเป็น “ปัจเจกชน” คือเป็นตัวของตัวเองในระดับสูง จึงเป็นเรื่องที่น่าพิจารณาว่าค่านิยมเหล่านี้ควรยึดปฏิบัติตามมากน้อยเพียงใด หรือควรลดละเพื่อความเป็นสังคมที่มีประสิทธิภาพต่อไป
ค่านิยมที่พึงประสงค์ของสังคมไทย
เนื่องจากค่านิยมเป็นสิ่งที่มีผลต่อพฤติกรรมและจริยธรรมของคนในสังคม การปลูกฝังค่านิยมที่ดีจึงเป็นสิ่งที่ผู้มีบทบาทหน้าที่ นับตั้งแต่พ่อแม่ ครูอาจารย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้บริหารควรปลูกฝังให้เยาวชนและคนในครอบครัว คนในสังคม รวมทั้งผู้ใต้บังคับบัญชา ให้มีค่านิยมที่พึงประสงค์ต่อไปนี้
กรมศาสนา (2525 : 2) ได้เสนอค่านิยมที่ควรปลูกฝังเพื่อพัฒนาบุคลิกภาพ อุปนิสัยและพฤติกรรมที่ดีของคนไทย ดังนี้
1. ความมีระเบียบวินัย
2. ความซื่อสัตย์สุจริตและยุติธรรม
3. ขยัน ประหยัด และยึดมั่นในสัมมาชีพ
4. สำนึกในหน้าที่และความรับผิดชอบต่อสังคมและประเทศชาติ
5. รู้จักคิดริเริ่ม มีวิจารณญาณ และตัดสินใจอย่างมีเหตุผล
6. กระตือรือร้นในการปกครองแบบประชาธิปไตย รักและเทิดทูนชาติ ศาสนาและพระมหากษัตริย์
7. มีพลานามัยสมบูรณ์ ทั้งร่างกายและจิตใจ
8. รู้จักพึ่งตนเองและมีอุดมคติ
9. มีความภาคภูมิใจ และรู้จักทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรมไทย และทรัพยากรของชาติ
10. มีความเสียสละ เมตตาอารี กตัญญูกตเวที กล้าหาญ และสามัคคีกัน
อำไพ สุจริตกุล และคณะ (2540 : 134 – 135) ได้กล่าวถึงค่านิยมอันพึงประสงค์ของคนไทยในปัจจุบัน โดยชี้ให้เห็นว่าสังคมไทยในปัจจุบันได้เปลี่ยนแปลงไปมากในรอบ 2-3 ทศวรรษที่ผ่านมา อันเนื่องมาจากกระแสโลกาภิวัตน์ สภาพการเมือง เศรษฐกิจ สังคม รวมทั้งเทคโนโลยี การติดต่อสื่อสารระหว่างมวลมนุษย์ ได้ผลักดันให้คนมีการแข่งขันและการร่วมมือกันมากขึ้น มีการเรียนรู้แลกเปลี่ยนค่านิยม ความเชื่อ และบรรทัดฐานในการดำรงชีวิตระหว่างกันสูงขึ้น ยุคโลกาภิวัตน์จึงเป็นยุคที่ผลักดันให้คนต้องมีความเป็น “พลโลก” และ “ทันโลก” เพื่อ “การอยู่ร่วม” และ “การอยู่รอด”
ดังนั้นเป้าหมายแห่งการพัฒนาสังคมไทยในปัจจุบัน คือการสร้างความสมดุลระหว่างความมั่นคงทางวัตถุกับความเจริญงอกงามทางจิตใจ และความอาทรต่อธรรมชาติ เพื่อให้คนรุ่นใหม่เป็นคนที่มีความสุข นำทางให้ครอบครัวอบอุ่น ชุมชนเข้มแข็ง สังคมสันติและสิ่งแวดล้อมยั่งยืน จึงจำเป็นต้องกำหนดลักษณะของค่านิยม หรือคุณธรรมจริยธรรมพื้นฐานที่สำคัญดังนี้
1. การมีมารยาท และมีวิธีการปฏิบัติตนทางกาย วาจา ใจ ขั้นพื้นฐาน
2. ความมีสติ สัมปชัญญะ เพื่อการครองตน ไม่กล้าสู่ความชั่ว
3. มีคุณธรรมที่สำคัญ ได้แก่
ความมีวินัย รู้คุณค่าแห่งความมีระเบียบ
ความกล้าหาญ กล้าทำในสิ่งที่ถูกต้อง
ความกตัญญู รู้คุณบรรพชน รู้คุณคน รู้คุณธรรมชาติ
ความมีเมตตา รู้จักให้ ยินดีและเป็นสุขกับการให้
ความอดทน สู้งาน มีความมุ่งมั่นใฝ่ความสำเร็จ
ความเสียสละ ไม่เห็นแก่ตัว
ความสามัคคี ประนีประนอม รักสันติ
ความซื่อสัตย์ต่อตนเอง ต่อครอบครัว ต่อสังคม
ความขยันหมั่นเพียร ไม่หวังแต่จะหาทางลัดในชีวิตการงาน
ความเป็นตัวของตัวเอง มั่นใจในตนเอง และรู้จักพึ่งตนเอง
ความสันโดษ รู้จักพอ ไม่ดิ้นรนแสวงหาจนลืมความเป็นมนุษย์
ความอ่อนน้อมถ่อมตน ไม่เป็นคนวางก้าม ชอบมีและชอบใช้อำนาจ
4. ความรักในเพื่อนมนุษย์
5. ความรักในธรรมชาติ
ในฐานะที่ค่านิยมเป็นเครื่องนำทางพฤติกรรมของคน และมีลักษณะที่ไม่คงที่ เมื่อประสบการณ์มากขึ้นก็จะมีผลทำให้บุคคลปรับปรุงเปลี่ยนแปลงค่านิยมเดิม เราทราบค่านิยมของคนจากการประพฤติ การปฏิบัติในภาวะต่าง ๆ โดยผ่านการวินิจฉัยและเลือกสรรเข้าเป็นแบบฉบับในการดำเนินชีวิตของตนจนออกมาในรูปของความคิดที่ว่าสิ่งนั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้อง พึงปรารถนามีคุณค่าควรแก่การประพฤติปฏิบัติต่อไป
ค่านิยมหลักของคนไทย 12 ประการ ตามนโยบายของ คสช.
1. มีความรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2. ซื่อสัตย์ เสียสละ อดทน มีอุดมการณ์ในสิ่งที่ดีงามเพื่อส่วนรวม
3. กตัญญูต่อพ่อแม่ ผู้ปกครอง ครูบาอาจารย์
4. ใฝ่หาความรู้ หมั่นศึกษาเล่าเรียนทั้งทางตรง และทางอ้อม
5. รักษาวัฒนธรรมประเพณีไทยอันงดงาม
6. มีศีลธรรม รักษาความสัตย์ หวังดีต่อผู้อื่น เผื่อแผ่และแบ่งปัน
7. เข้าใจเรียนรู้การเป็นประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขที่ถูกต้อง
8. มีระเบียบวินัย เคารพกฎหมาย ผู้น้อยรู้จักการเคารพผู้ใหญ่
9. มีสติรู้ตัว รู้คิด รู้ทำ รู้ปฏิบัติตามพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
10. รู้จักดำรงตนอยู่โดยใช้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงตามพระราชดำรัสของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รู้จักอดออมไว้ใช้เมื่อยามจำเป็น มีไว้พอกินพอใช้ ถ้าเหลือก็แจกจ่ายจำหน่าย และพร้อมที่จะขยายกิจการเมื่อมีความพร้อม เมื่อมีภูมิคุ้มกันที่ดี
11. มีความเข้มแข็งทั้งร่างกาย และจิตใจ ไม่ยอมแพ้ต่ออ านาจฝ่ายต่ า หรือกิเลส มีความละอายเกรงกลัวต่อบาปตามหลักของศาสนา
12. คำนึงถึงผลประโยชน์ของส่วนรวม และของชาติมากกว่าผลประโยชน์ของตนเอง
อ้างอิง http://www.baanjomyut.com/library_3/extension-2/ethics/08.html
http://www.mnre.go.th/ewt_news.php?nid=3230
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น