ความหมาย ตานข้าวสลากหรือตานก๋วยสลาก เป็นภาษาถิ่น หมายถึงการที่ทายกทายิกา(ผู้ให้ทาน)นำข้าวปลาอาหารพร้อมทั้งสิ่งของใส่ในก๋วยหรือชะลอมที่สาน ด้วยไม้ไผ่ที่สมควร
แก่พระสงฆ์ต้องใช้ชาวนาน้อย เรียกว่า กิ๋นสลาก บางท้องที่เรียกว่า ตานก๋วยสลาก บางแห่งเรียกว่า การถวายสลากภัต นับเป็นประเพณีที่เก่าแก่ที่เกิดขึ้นในพุทธศาสนา และเป็นประเพณีทางศาสนาที่สำคัญที่ชาวนาน้อยปฏิบัติสืบต่อกันมา
ประวัติความเป็นมาของการถวายสลากภัต
ในสมัยพุทธกาล ขณะที่พระพุทธเจ้าประทับอยู่ที่วัดพระเชตวันมหาวิหาร ได้มีนางกุมาริกาได้อุ้มลูกชายวิ่งหนีนางยักษ์ผู้มีเวรต่อกันหลายชาติแล้วติดตามมาจะทำร้ายลูกของนาง นางเห็นจวนตัวจึงพาลูกวิ่งหนีเข้าไปวัดเชตวันนำลูกน้อยวางแทบพระบาทพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าทรงตรัสคำสอนต่อนางมาริกาและนางยักษ์ด้วยคำสอนที่ว่า เวรย่อมไม่ระงับด้วยเวร เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร แล้วให้นางทั้งสองเห็นผิดชอบชั่วดีนางยักษ์รับศีลห้าแล้วร้องไห้สะอึกสะอื้นกราบทูลพระพุทธเจ้าว่า เมื่อรับศีลแล้วไม่รู้จะทำมาหากินอย่างไรนางกุมาริกาเห็นดังนั้น จึงรับอาสาพานางยักษ์ไปอยู่ด้วย นางยักษ์ได้รับการอุปการะจากนางกุมาริกาหลายประการจึงอยากตอบแทนบุญคุณนาง จึงเป็นผู้พยากรณ์เกี่ยวกับดินฟ้าอากาศให้กับนางมาริกาทำให้นางมาริการ่ำรวยขึ้นจากการประกอบอาชีพตามคำพยากรณ์ของนางยักษ์จนเพื่อนบ้านมีความสงสัยพากันขอความช่วยเหลือจากนางยักษ์ จนมีฐานะร่ำรวยขึ้น ด้วยความสำนึกในบุญคุณนางยักษ์จึงพากันซื้อเครื่องอุปโภค บริโภคอาหารการกินเครื่องใช้มาสังเวยให้กับนางยักษ์เป็นจำนวนมาก จนข้าวของนางยักษ์มีเหลือกินเหลือใช้ นางยักษ์จึงนำมาเป็นสลากภัต โดยให้พระสงฆ์ได้ทำการจับเบอร์ด้วยหลักอุปโลกกรรม คือ ของที่ถวายมีทั้งของราคามากราคาน้อยพระสงฆ์รูปใดได้ของที่ราคาน้อยก็อย่าเสียใจให้ถือว่าเป็นโชคของตน
การถวายแบบจับสลากของนางยักขินี นับเป็นครั้งแรกของการทำบุญสลากภัตในพระพุทธศาสนาและชาวอำเภอนาน้อยได้ถือปฏิบัติมาจนปัจจุบันนี้
ก๋วยสลากน้อย
การทำบุญสลากภัตนับเป็นประเพณีที่สำคัญที่ปฏิบัติสืบต่อกันมาแต่โบราณ การทำบุญเกี่ยวกับประเพณีดังกล่าวประกอบด้วยเหตุผล ๗ ประการ
( ๑) ประชาชนว่างเว้นจากภารกิจการทำนา
( ๒) ผลไม้ เช่น ส้มโอ ส้มเขียวหวาน ส้มเกลี้ยง กำลังสุก
( ๓) ประชาชนหยุดพักไม่เดินทางเพราะอยู่ในช่วงฤดูฝน
( ๔) พระสงฆ์จำพรรษาอย่างพรักพร้อม
( ๕) ได้โอกาสสงเคราะห์คนยากจน
( ๖) ถือว่ามีอานิสงส์มาก คนทำบุญสลากมักจะมีโชคลอยมา
( ๗) มีโอกาสหาเงินและวัตถุบำรุงวัด
ระยะเวลาทำบุญทานสลากภัตหรือกิ๋นสลาก ทำกันตั้งแต่เดือน ๑๒ เหนือเป็งเรื่อยมาจนถึงเดือนยี่เหนือ คือ ช่วงเดือน ๑๑ - ๑๒ ของภาคกลาง ชาวบ้านจะนำพืชผลมาถวายใส่ไว้ในก๋วยสลาก สลากภัตของชาวนาน้อย ประกอบด้วย
( ๑) สลากก๋วยเล็กหรือสลากหน้อย คือ สลากกระชุเล็ก ๆ
( ๒) สลากก๋วยใหญ่คือสลากโชค
สลากก๋วยเล็ก ใช้ถวายอุทิศให้แก่ผู้ตายหรือ ทำบุญเพื่อเป็นกุศลในภายหน้า ส่วนสลากก๋วยใหญ่ใช้ถวายเป็นมหากุศล ทำถวายเพื่อเป็นปัจจัยภายหน้าให้มีบุญกุศลมากขึ้น มีกำลังศรัทธาและร่ำรวยเงินทอง
การเตรียมงาน ควรวางแผนดำเนินงานดังนี้
๑. หาวันฤกษ์งามยามดี เช่นนอกจากไม่เป็นวันเสียตามหลักโหราศาสตร์ เช่น วันม้วยอาศรม วันอุบาทว์ วันโลกาวินาศ ฯลฯ แล้ว ควรเป็นวันหยุดราชการและไม่ควรเป็นวันที่มีงานซ้ำกันหรือซ้อนกันกับหมู่บ้านใกล้เคียงอื่น
๒. การนิมนต์พระสงฆ์ ควรนิมนต์หมดทุกรูปทั้งวัด เพราะงานตานสลากเป็นเพียงงานเดียวที่พระวินัยบัญญัติให้สามเณรน้อยมีสิทธิเท่ากับเจ้าอาวาส นั้นคือการเสี่ยงดวงจับสลากโจ๊กหรือสลากที่โชคดี แม้ว่าการรับผ้ากฐินพระพุทธเจ้าจะทรงอนุญาตให้พระสงฆ์ทุกรูปมีสิทธิ์ครองจีวรที่เป็นผ้ากฐินนั้นได้ แต่พระผู้อุปโลกซึ่งเจ้าอาวาสเป็นผู้ตั้งก็จะยกให้อธิบดีสงฆ์หรือเจ้าอาวาสวัดนั้น สมัยปัจจุบันประเพณีตานข้าวสลากนี้ที่ถือปฏิบัติอย่างถูกต้องจริง ๆ จะไม่ค่อยมีให้เห็น
๓. การเตรียมงาน ในส่วนของวัด เจ้าอาวาสต้องเตรียมงานคือ แจกงานให้พระภิกษุสามเณรหรือคณะกรรมการวัดรับผิดชอบงานด้านต่าง ๆ เช่น การซ่อมแซมถนนหานทางเข้าวัดหรือในวัด อาคารโรงครัว เครื่องครัว ประดับตกแต่งต้นไม้ ประดับธงชาติธงเสมาธรรมจักรรอบกำแพงวัด ปักตุงตามเส้นทางเข้าวัดฯลฯ รวมถึง การขึ้นต้าวตั้งสี่ การจัดทำอาหารถวายพระภิกษุสามเณร การจัดไทยทานหรือกัณฑ์รับหัววัดต่าง ๆ ทุกฝ่ายต้องพร้อมก่อนจะถึงวันจัดงาน
วันดา หมายถึงวันเตรียมงานก่อนจะถึงวันถวายทาน ๑ วัน ในส่วนของวัดจะต้องมีพิธีขึ้นต้าวตั้งสี่ก่อน เป็นประเพณีนิยมถือปฏิบัติเพราะเชื่อว่า ถ้าขึ้นต๊าวตั้งสี่หรือบอกกล่าวเชื้อเชิญให้ท้าวจตุโลกบาลมาคุ้มครองและร่วมอนุโมทนาด้วยงานครั้งนั้นจะประสบความสำเร็จ บางวัดจะขึ้นต้าวตั้งสี่ก่อนวันดาก็มี ในวันดาสลากจะมีญาติพี่น้องต่างหมู่บ้านมาร่วมทำบุญ เรียกตามภาษาพื้นบ้านว่า “กิ๋นหอมต๋อมม่วน” คือมาเพื่อกินให้เต็มที่เสร็จแล้วร่วมทำบุญด้วยตามกำลังศรัทธา ซึ่งก่อนหน้านี้มีการมาร่วมทำบุญแบบ “มาใช้หนี้” กัน นั้นคือผู้ให้ต้องดูก่อนว่างานเราครั้งก่อนเขาร่วมทำบุญมาเท่าไร ถ้าเขาให้มา ๒๐ บาท เราก็ให้ไป ๒๐ หรือ ๒๕ บาท ถ้าเขามา ๑๐๐ บาท เราก็ไป ๑๒๐ บาท เป็นต้น ส่วนการเตรียมอาหารหรือเหล้ายาปลาปิ้งให้ยึดถือตามประเพณีโบราณไม่ควรล้มวัวควายครั้งละมากตัวคนที่ไปร่วมงานก็ไม่ควรไปรบกวนเจ้าภาพเกินไป ทั้งนี้เพื่อช่วยกันจรรโลงประเพณีตานก๋วยสลากให้เป็นมรดกทางวัฒนธรรมสืบไปจนถึงลูกหลาน
การเขียนเส้นสลาก ถ้าเขียนเส้นสลากเป็นก็เขียนเองถ้าเขียนไม่เป็นก็เอาไปให้เจ้าอาวาสหรือผู้รู้เขียนให้ ได้แก่ ถ้าเป็นสลากน้อยหรือก๋วยสลากธรรมดา เขียนว่า ข้าวสลากกัณฑ์นี้ศรัทธาหมายมี….......
( ชื่อ – สกุล เจ้าภาพ)…. ก็หาได้ยังข้าวสลากกณฑ์หนึ่งก็เปื่อว่าจักตานไปหา…. (พ่อ แม่ ปู่ ย่า ฯลฯ)… ผู้หนึ่งอันมรณาไปสู่โลกปายหน้าผู้มีนามกรจื่อว่า…..(ชื่อผู้ที่จะอุทิศให้)............….ขอหื้อได้กิ๋นได้บริโภคและอนุโมทนาในป๋างฑีฆาก๋าละวันนี้ยามนี้นั้นจุ่งจักมีเตี่ยงแต้ดีหลี ถ้า
เป็นสลากโจ๊กหรือสลากกัณฑ์ใหญ่ที่มีเครื่องไทยทานและยอดปัจจัยมาก
อิมินา สลากภัตตานัง มหาสลากภัตตานัง ข้าวสลากกัณฑ์นี้ศรัทธาหมายมี….(ชื่อ – สกุล เจ้าภาพ)… ก็หาได้ยังข้าวสลากกัณฑ์หนึ่งก็เปื่อว่าจักตานไปหา… (พ่อ แม่ ปู่ ย่า ฯลฯ)…. ผู้หนึ่งอันมรณาไปสู่โลกปายหน้าผู้มีนามกรจื่อว่า….(ชื่อผู้ที่จะอุทิศให้)…..ขอหื้อได้กิ๋นได้บริโภคและอนุโมทนาในป๋างฑีฆาก๋าละวันนี้ยามนี้นั้นจุ่งจักมีเตี่ยงแต้ดีหลีหรือ
“สุทินนัง วต เม ทานัง อาสวัคคยาวหัง โหนตุ ข้าวสลากกัณฑ์นี้ศรัทธาหมายมี…..(ชื่อ – สกุล เจ้าภาพ)… ก็หาได้ยังข้าวสลากกัณฑ์หนึ่งก็เปื่อว่าจักตานไปหา……(พ่อ แม่ ปู่ ย่าฯลฯ)….ผู้หนึ่งอันมรณาไปสู่โลกปายหน้าผู้มีนามกรจื่อว่า…(ชื่อผู้ที่จะอุทิศให้)…ขอหื้อได้กิ๋นได้บริโภคและอนุโมทนาในป๋างฑีฆาก๋าละวันนี้ยามนี้นั้นจุ่งจักมีเตี่ยงแต้ดีหลี
วันตาน หมายถึง วันทำบุญถวายข้าวสลาก เมื่อได้เวลาพระสงฆ์ที่ได้รับนิมนต์ก็จะทยอยมาถึงวัดที่มีงาน ถ้ามีการแข่งขันขบวนแห่คณะกรรมการจัดงานจะเชิญตัวแทนหมู่บ้านต่าง ๆ ที่ร่วมแข่งขันมาจับสลากลำดับที่การนำขบวนแห่เข้าวัดส่วนชาวบ้านก็จะทยอยนำกัณฑ์สลากหรือเครื่องไทยทานทุกชนิดไปตั้งรวมกันเป็นหมวดหมู่ที่คณะกรรมการจัดไว้ ส่วนเส้นสลากให้นำไปในวิหารจบทานแล้วเอาเส้นสลากทั้งหมดวางรวมกันตรงกลางวิหารต่อหน้าพระประธาน
ต่อมาเวลาประมาณ ๑๐ นาฬิกา คณะกรรมการก็จะทำพิธีสูนเส้นคือคนเส้นสลากให้แตกออกจากกันเพื่อไม่ให้เส้นของบ้านหลังเดียวกันอยู่ในมัดเดียวกันเสร็จแล้วคณะกรรมการจะสำรวจว่ามีพระภิกษุกี่รูปสามเณรกี่รูปที่มาร่วมพิธีในวันนั้น แล้วหารือกับประธานสงฆ์ว่าควรจะถวายพระภิกษุกี่เส้นสามเณรกี่เส้นเรียกภาษาพื้นบ้านว่า“จ๊ะขุจ๊ะเณร” หรือตามที่ภาษาแบ่งเส้นสลากแบบโบราณกล่าวว่า“พี่ได้สองน้องได้หนึ่ง” หมายความว่า ถวายพระมากกว่าสามเณรอีกเท่าตัว เสร็จแล้วปู่อาจารย์วัดก็จะเป็นผู้นำทำพิธีทางศาสนากล่าวคือไหว้พระ สมาทานศีล สูมาครัวตานเวนตาน เอาเส้นสลากจำนวนหนึ่งไปประเคนพระพุทธรูป (พระประธาน)จำนวนหนึ่งประเคนประธานสงฆ์ เสร็จแล้วพระสงฆ์อนุโมทนาลาพระ ถวายภัตตาหารเพล จากนั้น เวลา ๑๒.๓๐ นาฬิกา เส้นสลากออก หมายความว่าพระภิกษุสามเณรจะเริ่มอ่านเส้นสลากกันแล้ว การออกเส้นสลากมี ๒ แบบ คือ
๑. แบบเส้นเสาะหาก๋วย (เอาเส้นสลากตามหาก๋วยสลาก) เส้นเสาะหาก๋วย วิธีปฏิบัติคือญาติโยมเจ้าของกัณฑ์สลากจะอยู่เป็นที่ ๆหมวด ๆ ตามที่กล่าวแล้ว พระภิกษุสามเณรที่ได้เส้นสลากของใครอยู่หมวดไหนจะตรงไปที่หมวดนั้นแสดงเส้นสลากให้ดู เจ้าภาพเอาก๋วยสลากประเคนพระหรือสามเณรรูปนั้นก็ปั๋นปอนหรือให้พร เสร็จแล้วเอาเส้นสลากอื่น ๆ ตามหาก๋วยต่อ ๆ ไป จนเส้นสลากในมือหมด
๒. แบบก๋วยเสาะหาเส้น (เอาก๋วยสลากตามหาเส้นสลาก) คือ นิมนต์พระภิกษุสามเณรทุกรูปมานั่งเรียงกันหรือนั่งใต้ร่มไม้ชายคาที่ที่เหมาะสมแล้วเอาเส้นสลากวางเรียงกันที่หน้าเก้าอี้ตนญาติโยมก็ช่วยกันหอบหิ้วเอาก๋วยสลากเดินตามหาเส้นสลากของตนเอง หากพบว่าอยู่เฉพาะหน้ารูปใดจะประเคนก๋วยสลากแก่พระภิกษุรูปนั้นและท่านก็ให้พร ก๋วยอื่น ๆ ก็ทำเช่นเดียวกัน ความสนุกสนานของงานตานก๋วยสลากอยู่ตรงความชุลมุนของการออกเส้นสลากนี้มาตั้งแต่โบราณกาล หลังจากเส้นสลากออกพระภิกษุสามเณรเจ้าภาพงานจะช่วยกันหยาดน้ำกัณฑ์เข้าวัด
วันล้างผาม เมื่อเสร็จพิธีเรียบร้อยแล้วคณะกรรมการฝ่ายต่าง ๆ ต้องมาช่วยกันเก็บกวาดขยะมูลฝอย กลุ่มแม่บ้านเก็บเครื่องครัวเข้าที่กลุ่มผู้สูงอายุจะมาคัดแยกเครื่องไทยทานให้เป็นหมวดหมู่ คณะกรรมการฝ่ายการเงินมานับเงินสรุปรายรับรายจ่ายเรียบร้อย เสร็จงานทางวัดแล้ว บ้านใครยังมีอาหารคาวหวานและเครื่องดองของเมาเหลือรับแขกจะชวนเพื่อน ๆ ไปร่วมรับประทานกัน เรียกภาษาชาวบ้านว่า“ล้างผาม”
ก๋วยสลากหลวง
อานิสงส์การทำบุญตานก๋วยสลาก
๑. ผลทานที่เราอุทิศย่อมไปถึงผู้รับตามเป้าหมายเพราะพระพุทธเจ้าตรัสว่า ทานที่ไม่เฉพาะเจาะจงผู้รับย่อมมีผลมาก เมื่อผู้ให้ถึงพร้อมด้วยองค์สี่คือ ของทานเป็นของบริสุทธิ์ ผู้ให้เป็นผู้บริสุทธิ์ ผู้รับเป็นผู้บริสุทธิ์ให้แล้วไม่เสียดายของปรารถนา สิ่งใดย่อมได้สิ่งนั้นตามประสงค์
๒. ได้ชื่อว่าเป็นศาสนทายาทที่ดีคือ การช่วยกันสืบทอดวัฒนธรรมประเพณีอันดีงามทางพระพุทธศาสนาให้สืบทอดต่อไป จนตราบกาลนาน
๓. เป็นการสร้างความสามัคคีกันระหว่างญาติพี่น้องในหมู่บ้านและต่างหมู่บ้าน
ข้อสังเกตที่ควรปรับปรุงในการตานก๋วยสลาก ได้แก่
๑. การทำบุญตานก๋วยสลาก ควรยกเว้นการฆ่าวัว ควาย เพราะ นอกจากจะเป็นการทำบุญผสมบาปแล้ว ยังเป็นการทำลายวัฒนธรรมประเพณีอันดีงามอีกด้วย
๒. ไทยทานหรือเครื่องกัณฑ์สลากที่ญาติโยมถวายพระบางอย่างเป็นของไม่สมควรแก่สมณบริโภคของที่ถวายควรเป็นของที่เป็นประโยชน์ต่อผู้รับและนำไปใช้ประโยชน์ได้จริง ๆ ยังความยินดีมาสู่ทั้งผู้รับและผู้ให้ อานิสงส์จากความยินดีนี้ต่างหากที่อาจเผื่อแผ่ไปถึงสัตว์ในปรโลกได้และทำให้มีสุขในภพนั้นได้
๓. สังคมปัจจุบันบางพื้นที่ไม่ได้เห็นความสำคัญของศาสนพิธีนัก ขณะเดียวกันเด็กและเยาวชนแทบทุกหมู่บ้านก็บริโภควัฒนธรรมบางชาติอย่างขาดสติ หากเราปัญญาชนผู้เป็นพ่อแม่ ปู่ย่า ตายาย ไม่ช่วยกันอบรมบ่มนิสัยและส่งเสริมให้เขาได้รู้เห็นและลงมือปฏิบัติกิจกรรมที่สร้างคุณค่าความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ให้เขาทั้งทางตรงและทางอ้อม อนาคตหากเราหรือคนเฒ่าคนแก่ลาโลกนี้ไปแล้วหากเราไปเกิดในอบายภูมิ ใครเล่าจะเป็นคนช่วยส่งข้าวปลาอาหารให้กิน ใครจะหาเสื้อผ้าให้เราใส่และใครจะฉุดเราขึ้นจากนรกได้
คำถวายตานก๋วยสลากภัตด้วยภาษาบาลี
อิมานิ มะยัง ภันเต สะลากะภัตตานิ สะปะริวารานิ อุสุกัฏฐาเน ฐะปิตานิ ภิกขุสัง-ฆัสสะ โอโณชะยามะ สาธุ โน ภันเต ภิกขุสังโฆ เอตานิ สะลากะภัตตานิ สะปะริวารานิ ปะฏิคคัณหาตุ อัมหากัญเจวะ มาตาปิตุอาทีนัญจะ ปิยะชะนานัง ฑีฆะรัตตัง หิตายะ สุขายะ
ข้าแต่พระสงฆ์ผู้เจริญ ข้าพเจ้าทั้งหลาย ขอน้อมถวาย สลากภัตตาหารพร้อมทั้งของอันเป็นบริวารทั้งหลายซึ่งตั้งไว้ ณ ที่โน้นเหล่านั้น ของข้าพเจ้าทั้งหลาย เพื่อประโยชน์และความสุขแก่ข้าพเจ้าทั้งหลายด้วย แก่ปิยชนทั้งหลายมีบิดามารดาเป็นต้นด้วย สิ้นกาลนาน เทอญ
ข้อมูลจาก : หนังสือรู้เรื่องอำเภอนาน้อย
นางรัตนา สวัสดิผล นักวิชาการวัฒนธรรมชำนาญการ (ประสานงานวัฒนธรรมอำเภอนาน้อย)
อ้างอิงจาก : http://province.m-culture.go.th/nan/file/amphur/noi/02-3noi.html
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น